บริษัทตระหนักถึง ความสำคัญของภาวะโลกร้อน และการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas หรือ GHG) ในปัจจุบัน ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ซึ่งก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) อุณหภูมิของพื้นผิวโลก รวมถึงภัยพิบัติทางธรรมชาติต่าง ๆ ทั้งนี้ บริษัทได้ตระหนักถึงปัญหาและผลกระทบที่อาจตามมาในอนาคต เนื่องจากการดำเนินธุรกิจของบริษัทนั้น มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

บริษัทจึงได้กำหนดนโยบายความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เรื่อง การปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Carbon Footprint) ขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังได้กำหนดกลยุทธ์ในการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกโดยการใช้พลังงานทดแทน รวมถึงวิธีการอื่น ๆ ที่สำคัญ

ผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม

การใช้พลังงาน

  1. เนื่องจากกระบวนการผลิตสินค้าของบริษัทนั้น จะต้องอาศัยเครื่องจักรที่ใช้พลังงานจากกระแสไฟฟ้าค่อนข้างสูง บริษัทมีนโยบายที่จะใช้พลังงานทดแทน หรือการผลิตกระแสไฟฟ้าโดยการใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ หรือระบบโซล่าเซลล์ (Solar Cell) เพื่อลดการใช้พลังงานและลดต้นทุนของบริษัทอีกด้วย
  2. การปรับปรุงระบบการขนส่งสินค้า (Logistic) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมของบริษัทที่มีสัดส่วนต้นทุนการดำเนินงานที่ค่อนข้างสูง เนื่องจากบริษัทต้องใช้รถบรรทุกสำหรับการกระจายสินค้าไปยังสถานที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการขนส่งโดยรถบรรทุกของบริษัทเองหรือการว่าจ้างผู้รับขนส่ง ดังนั้นเพื่อลดต้นทุนในการขนส่ง และลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก บริษัทจะดำเนินการจัดเรียงเส้นทางการขนส่งให้มีประสิทธิภาพ ทั้งการขนส่งโดยตรงจากบริษัท หรือผู้ผลิตสินค้า (Supplier) ไปยังลูกค้า โดยจะจัดเรียงลำดับการขนส่งไปในทางเดียวกัน
  3. บริษัทมีการเลือกใช้เครื่องจักรหรือเครื่องมือที่มีสายการผลิตที่มีคุณภาพสูง ที่จะสามารถช่วยลดพลังงานไฟฟ้าสำหรับการผลิตของบริษัทได้ ทั้งนี้การดำเนินการดังกล่าวอาจส่งผลให้ต้นทุนการผลิตของบริษัทนั้นสูงขึ้น อย่างไรก็ตามบริษัทจะสามารถผลิตสินค้าที่มีมาตรฐานและมีคุณภาพมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ทางการตลาดของบริษัทที่มีเป้าหมายที่จะเน้นผลิตสินค้าที่มีคุณภาพสูงให้แก่ลูกค้า

ผลการดำเนินงานปี 2566

ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้น
ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
ปริมาณการใช้พลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้น
กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh)
ค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น
บาท/ปี

เนื่องจากการเพิ่มชั่วโมงการทำงาน 1 กะในเวลากลางคืน ส่งผลให้เกิดการใช้ไฟฟ้าจากแหล่งกำเนิดไฟฟ้านอกองค์กรเพิ่มขึ้น

การจัดการขยะ ของเสีย บำบัดนํ้าเสีย และมลพิษ

บริษัทได้กำจัดขยะ บำบัดนํ้าเสียและสารพิษ โดยวิธีการที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ และภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมาย และมาตรฐานของประเทศ บริษัทได้ลดการกำจัดขยะด้วยวิธีการฝังกลบ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จะเลือกเครื่องจักรที่มีคุณภาพสูงเพื่อช่วยลดการก่อให้เกิดของเสียในปริมาณน้อยที่สุด รวมถึงเลือกใช้ผู้รับจ้างกำจัดกากอุตสาหกรรมที่มีมาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด

ในส่วนของขยะและของเสียอื่น เช่น ขยะมูลฝอย ของเสียจากโรงอาหาร บริษัทมีแนวทางให้ทำการคัดแยกขยะก่อนการนำส่งให้หน่วยงานเก็บขยะต่อไป

ปริมาณขยะ
กิโลกรัม
ลดลง
กิโลกรัม
  • ขยะทั่วไป 22,383 กิโลกรัม
  • ขยะอุตสาหกรรม 21,115 กิโลกรัม
  • ขยะรีไซเคิล 48,454 กิโลกรัม
  • ขยะอันตราย 58,342 กิโลกรัม

การจัดการขยะและของเสีย

ในปี 2566 บริษัทมีปริมาณขยะจำนวน 150,294 กิโลกรัม แบ่งเป็นขยะทั่วไป 22,383 ขยะอุตสาหกรรม 21,115 ขยะรีไซเคิล 48,454 และขยะอันตราย 58,342 ซึ่งมีปริมาณลดลง 25,944 กิโลกรัม จากปีก่อนหน้า โดยในปี 2567 กลุ่มบริษัทตั้งเป้าลดปริมาณขยะให้น้อยลงกว่าปี 2566

ปริมาณการใช้นํ้ารวม
ลูกบาศก์เมตร
เพิ่มขึ้น
ลูกบาศก์เมตร

การบำบัดนํ้าเสียและสารพิษ

ในส่วนของการบำบัดน้ำเสียและสารพิษโดยวิธีการที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ และภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมาย และมาตรฐานที่เทียบเท่ากับโรงงานอุตสาหกรรมในประเทศต่าง ๆ โดยในปี 2566 บริษัทมีปริมาณการใช้นํ้ารวม 56,315 ลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้น 13,684 ลูกบาศก์เมตร เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากมีการผลิตเพิ่มขึ้น รวมถึงมีการปรับปรุงระบบผลิตน้ำบริสุทธิ์เพื่อเพิ่มคุณภาพน้ำบริสุทธิ์ที่ใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์ประเภทต่าง ๆ ทั้งนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายปริมาณการใช้น้ำต่อน้ำหนักการผลิตไม่มากกว่าปริมาณการใช้น้ำปี 2566

การจัดการเพื่อลดปัญหาก๊าซเรือนกระจก

บริษัทมีมาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ได้แก่ การใช้พลังงานทดแทน การปรับปรุงระบบการขนส่งสินค้าเพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การเลือกใช้เครื่องจักรที่มีคุณภาพสูงเพื่อช่วยลดปริมาณการใช้พลังงานไฟฟ้าในสายการผลิต นอกจากนี้ บริษัทจะเพิ่มพื้นที่สีเขียวโดยการรณรงค์การปลูกต้นไม้ในเขตโรงงานซึ่งเป็นพื้นที่ว่างเปล่า เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้แก่สังคม โดยบริษัทได้ดำเนินการตามนโยบายดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง

ในปี 2564-2565 บริษัทยังไม่ได้จัดให้มีการประเมินคาร์บอนฟุตพรินท์ขององค์กร (Carbon Footprint for Organization) และยังไม่ได้จัดทำรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อติดตามพัฒนาการในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทวางแผนจะเริ่มประเมินในปี 2566

ปัจจุบัน บริษัทอยู่ระหว่างคัดเลือกผู้ทวนสอบการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่ขึ้นทะเบียนกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. เพื่อแต่งตั้งเป็นผู้ทวนสอบรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจกปี 2566 ของบริษัท